Redemption คนโคตรระห่ำ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Hummingbird หนังเก่าที่กลับมาติดกระแสเทรนด์อันดับหนึ่งอีกครั้งบน Netflix นี่คือผลงานกำกับเรื่องแรกของ สตีเว่น ไนท์ ผู้เขียนบทเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Eastern Promises และ Dirty Pretty Things โดยเรื่องนี้ได้สร้างจากบทภาพยนตร์ต้นฉบับของเขาเอง แถมยังอำนวยการสร้างโดย พอล เว็บสเตอร์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์จากเรื่องดังมากมาย นำแสดงโดยนักแสดงมากฝีมืออย่าง เจสัน สเตแธม และนักแสดงหญิงชาวโปแลนด์ อากาต้า บูเซ็ค ผู้ได้รับรางวัลดาราดาวรุ่งแห่งปี 2010 ร่วมด้วย วิคกี้ แม็คคลัวร์ นักแสดงหญิงเจ้าบทบาทเจ้าของรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวที BAFTA จากผลงานซีรีส์เรื่องดังเช่นกัน
Redemption คนโคตรระห่ำ เป็นเรื่องราวชีวิตของโจอี้ โจนส์ (แสดงโดย เจสัน สเตแธม) อดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่หลบหนีการลงโทษของศาลทหารและใช้ชีวิตเร่ร่อน หลังจากบุกรุกเข้าไปในอพาร์ทเมนต์หรูในโคเวนท์ การ์เดน โจอี้พบโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาเพราะได้บัตรเครดิต กุญแจรถ และเงินในบัญชีธนาคารที่สามารถทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ แต่ก็ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อไถ่ถอนตัวเอง ด้วยการเลิกเหล้าและยาเสพติด และหางานทำเป็นเด็กล้างจานในร้านอาหารจีน ด้วยความขยันโจอี้ได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วจากเด็กยกกระเป๋าไปเป็นผู้ดูแล และในที่สุดก็กลายเป็นคนขับรถและผู้คุ้มกันให้กับบอสชาวจีนของเขา
แต่เพราะความที่โจอี้ไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอาชญากรรมจีนในย่านโซโหอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ได้ทำให้ลืมเพื่อนเก่าไปเลย เพราะในช่วงที่ไร้บ้าน เขาได้พบกับอิซาเบล แฟนสาวของเขาที่มีความปรารถนาที่จะช่วยเธอนั่นเอง จึงได้ติดต่อคริสติน่า (แสดงโดยโดยอากาต้า บูเซ็ค) แม่ชีผู้ดูแลสถานสงเคราะห์คนไร้บ้านที่เคยให้ที่พักพิงและเสื้อผ้ากับโจอี้ แต่เมื่อทั้งคู่นั้นได้มาพบกันอีกครั้ง ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นก็เริ่มก่อตัวขึ้น
ในขณะที่ฐานะการเงินของโจอี้ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาก็แสดงความเป็นคนใจดีขยันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยการบริจาคพิซซ่า อาหาร และเค้กราคาแพงให้กับสถานสงเคราะห์คนไร้บ้าน คริสติน่าก็ได้ตอบรับของขวัญมากมายเหล่านั้นมาจากโจอี้ จนกระทั่งเขาได้ยื่นเงินก้อนโตและซื้อชุดเดรสไหมสุดหรูให้เธอ จนทั้งคู่ตัดสินใจมาเจอกันในที่สุด แต่ไม่นานทั้งคู่ก็ได้มารู้ว่าเข้ากันได้ดีมาก เธอจึงยอมช่วยโจอี้ตามหาแฟนสาวที่ตั้งครรภ์ของเขาอีกครั้ง แต่แล้วโชคชะตากลับพลิกผันเมื่อตามเบาะแสจนได้มาพบว่าเธอถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โจอี้จึงออกเดินทางเพื่อแก้แค้นภรรยา และทำทุกวิถีทางที่จะตามหาตัวฆาตกรที่พรากชีวิตรักของเขาไปให้ได้
จะบอกว่านี่คือหนังที่มีเรื่องราวของการโคจรกันระหว่าง แม่ชีมีปม กับ นักเลงมีปม ได้วนมาเจอกัน ก็ว่าได้ เพราะเราจะได้เห็นว่าแม่ชีอย่าง คริสติน่า กลายเป็นแสงแห่งความหวังที่ยับยั้งไม่ให้นักเลงก้าวไปสู่หนทางแห่งความมืด หรือเพื่อล้างแค้นให้ภรรยานั่นเอง ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกผิดและอยากเลิกจากวงการนี้ แต่ดันมาถูกพันธนาการด้วยอดีตอันเจ็บปวดแบบนี้ก็เกินจะต้านไหว เพราะเราจะเห็นได้ชัดเจนจากหลายฉากที่ทุ่มเทในการคลี่คลายปมที่ซับซ้อนในจังหวะที่เหมาะเจาะ ให้มากระตุ้นความรู้สึกของผู้ชมว่าตัวละครอย่าง โจอี้ นั้นจะติดสินใจเลือกทำในเส้นทางไหนกันแน่ เพราะทุกคนล้วนมีทั้งด้านดีและด้านมืด และบ่อยครั้งที่เราก็เห็นว่าคนเลือกจะทำชั่วแบบเจตนาดี จนสุดท้ายก็ต้องมาสู้กับปีศาจในใจตัวเอง
จุดเด่นของ Redemption คนโคตรระห่ำ คือ พล็อตที่เน้นดราม่าอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลให้ฉากแอ็คชั่นลดลงอย่างมาก ทั้งๆ ที่ควรจะเน้นไปทางแอ็คชั่นมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเจสัน สเตแธมที่รับบทแอ็คชั่นน้อยลงและหันมาเน้นบทดราม่ามากขึ้น ซึ่งสร้างความแปลกใหม่ให้กับแฟนๆ และผู้ชมที่คุ้นเคยกับภาพลักษณ์การเป็นนักแสดงหนังบู๊แอ็คชั่นกันมาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดำเนินเรื่องไปได้ แม้บางส่วนอาจจะรู้สึกขัดๆ ไปหน่อยก็ตาม เนื่องจากตัวสตอรี่เองขาดความกระชับและการเน้นดราม่าที่ไม่ถึงขั้นงพอ แถมบทสรุปก็ออกจะง่ายเกินไปไหม ทั้งๆ ที่เหมือนจะมีอะไรให้เล่นมากกกว่านั้นแต่ดันไม่ทำเพิ่ม เรียกว่าไม่สุดสักทักเลยจะดีกว่า
ด้วยความที่คัดเลือกนักแสดงที่ไม่เหมาะกับบทบาท และบทภาพยนตร์ที่ไม่ชัดเจนแบบนี้เลยทำให้ Redemption คนโคตรระห่ำ นั้นขาดความน่าสนใจลงไปเยอะ อันที่จริงอย่างเจสันก็เหมาะกับบทบู๊อยู่แล้ว ถ้าจะโทษว่าผิดก็คงต้องโทษสตอรี่ที่ทำออกมาได้ย้อนแย้งและไม่ลงตัวอะไรเลย เหมือนกับเป็นการจับพระเอกหนังบู๊มาเล่นบทดราม่าซะอย่างนั้น มันเลยไปได้ไม่สุด ทำไม่ถึง จนกลายเป็นผู้ชมไม่อินกับคาแรคเตอร์ของเจสันไปอย่างน่าเสียดาย แต่อาจจะสนุกและดูง่าย ย่อยง่าย สำหรับผู้ชมบางท่านก็ได้ ยังไงก็ต้องลองไปติดตามรับชมกันว่าจะชื่นชอบกันหรือไม่